วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

ที่อาถรรพณ์

ก่อนอื่นบอกก่อนนะคะว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงตามคำบอกเล่าของยายและพ่อ ผู้ที่ประสบและอยู่ในเหตุการณ์ช่วงนั้น เนื้อที่นี้มีอยู่จริง ไม่ขอเอ่ยว่าบริเวณไหนนะคะ แต่อยู่ในจังหวัดสระบุรี ไม่ไกลจากวัดหลวง

ที่ๆว่านี้ แต่เดิมเป็นของใครไม่ทราบ ทราบเพียงแต่ว่ายายได้รับมาดูแลพร้อมโลงเจร้าง ยายและตาได้ที่ตรงนั้นและตากับยายก็อาศัยอยู่โดยเราต้องรื้อโรงเจร้างนั้นมาทำบ้าน ไม่บางส่วนยังคงอยู่ในบ้านปัจจุบันใช้เป็นขื่อ

อยู่มาไม่นานมีซินแสเคยทักไว้ว่าที่ๆนี้เป็นที่แรงและคนที่จะมาอยู่และดูแลนั้นต้องเป็นคนจีนเท่านั้น แย่เลยเพราะยายและตาเป็นคนไทย ก็อยู่มาไม่มีอะไรน่ากังวลเพราะยายเป็นคนธรรมะธรรมโมไปวัดตลอดรักษาศีล ตาเป็นผู้ใหญ่บ้านในตอนนั้นแต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

อยู่ๆตาก็เป็นไข้หนาวไม่มีสาเหตุและจะเพ้อตลอด หนาวถึงขนาดต้องเอาผ้าห่มและฟูกมาทับที่ตัวตาหลายชั้น และเวลาร้อนก็ต้องแก้ผ้านอนเลยและต้องเช็ดตัวตลอด พอไปโรงพยาบาลหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรไม่มีโรคอะไร ซึ่งเป็นแบบนี้ทุกครั้งแต่พอมาบ้านก็เป็นตลอด จนตากินอะไรไม่ได้ผอมซีดดำไม่นานตาก็เสีย

ตอนนั้นโรงเจที่ว่ารื้อมา ก่อนหน้านี้มีชาวบ้านหลายคนอยู่ ไปแอบรื้อมาก่อนแล้วไม่ว่าจะวงกบหน้าต่างประตู พวกเค้าหารู้ไม่นั่นหมายถึงการเอาชีวิตไปเสี่ยงจากนั้นไม่นานพวกเค้าก็เริ่มตายไปทีละคนละคน จนคนสุดท้ายรู้ตัวว่าตัวเองไม่รอดแน่ ตาคนนี้แกเลยไปซื้อโลงมาเลยตั้งไว้ที่บ้าน เปิดเพลงพระสวดคนตายกล่อมตัวเองทุกวันตอนหัวค่ำ เพราะแกรู้แน่ว่าไม่รอด และแล้วจากนั้นไม่ถึงเดือนแกก็เสียจริงๆ ทั้งกลุ่มตายโดยไม่มีสาเหตุ

ส่วนพ่อของฟิมก็เจอ ตรงที่ๆตรงนั้นเคยมีต้นมะม่วงอยู่ ตอนเย็นพ่อได้ไปนั่งเล่นใต้ต้นนั้น อยู่ๆเห็นเณรน้อยเดินมาและจวนจะถึงต้นมะม่วงกังลังจะเลี้ยว พ่อเลยทักไปว่า เณรมาทำไรแถวนี้หรือ จากนั้นพ่อแค่หันตัวไปอีกทางกะว่าจะชวนเณรมานั่งแต่พอหันกลับไป ก็ไม่เจอใคร ซึ่งเวลาเร็วมากและเณรจะหลบไปไหนในเมื่อที่ตรงนั้นโลงก็มีแต่ต้นมะม่วงที่พ่อนั่งอยู่

ต่อมาเวลาที่ยายอยู่ก็มีญาติๆรู้จักกันเค้ามาขออยู่ด้วยระยะนึง แกมีลูกซึ่งเป็นทหารคนนึง อยู่ๆลูกคนนี้ก็มีอาการคลั่งเหมือนผีสิง ตกเย็นมักจะถือมีดแล้วมาตะโกนไล่ยายฟิมว่า มึงมาอยู่ที่ของกูทำใม ออกไป ออกไป พ่อก็เห็นเหตุการณ์นั้นแล้วก็ต้องคอยระวังและคอยห้ามตานั่น แต่ต้องช่วยกันหลายคนเพราะแรงเยอะมาก ไม่นานนักญาติก็ย้ายไปและไม่นานทหารคนนั้นก็เสียสติ กลายเป็นคนเสียสติ อันนั้นไม่ได้ถามว่าเค้าไปล่วงเกินอะไรไหมต้องขอโทษเรื่องข้อมูลด้วยนะคะ

ทหารคนนี้อยู่ได้นานจนอายุมาก เมื่อสองปีที่แล้วแกหนีออกจากบ้านแก แกบ่นว่าไม่อยากรบกวนใคร แล้วแกก็หนีขึ้นเขา ซึ่งเขานี้ก็ติดกับที่ๆว่า วันที่แกหายไปฝนตกติดกันสองวัน ทุกคนระดมหา จนมาเจอแกบนเขาท่าทางจะเป็นไข้หนาวตาย และแกก็ตายไปอีกคนแบบแปลกๆ

ปัจจุบันยายได้ขายที่ตรงนั้นไปนานแล้วค่ะ ตอนนี้มีคนไปดูแลแทนแล้วทราบว่าเป็นเชื้อจีน แต่เค้าทำเป็นโรงเจปรับปรุงใหม่ แต่ก็ไม่มีอะไรนะคะ แต่ว่าเค้าเคยจัดที่บริเวณนั้นเพื่อเป็นตลาดนัดแต่ก็ไม่มีคนมาเดินมากนักและเงียบมาก สรุปคือก็เงียบไปค่ะ

ที่ตรงนั้นเงียบและวังเวง เท่าที่ดูที่ตรงนั้นไม่สามารถหาประโยชน์ทางธุรกิจได้เลย ต้องเป็นเกี่ยวกับงานกุศล หลายๆท่านที่แวะมาอ่านอาจจะเคยได้ยินมาบ้าง แต่ขอโทษนะคะที่ไม่ได้บอกว่าอยู่บริเวณไหน แต่เรื่องนี้คนเก่าแก่ที่อยู่ที่นั่นจะทราบดีค่ะว่าเรื่องนี้มีจริง

ถ้าพลาดผิดประการใดขออภัยด้วยนะคะ และขออนุโมทนาบุญกับดวงวิญญาณที่กล่าวมา และขออโหสิด้วยนะคะ ถ้าล่วงเกินประการใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น