ฉันเป็นคนหนึ่งละที่ไม่ชอบไปเที่ยวเวลาที่มีเทศกาล อย่างสงกรานต์หรือปีใหม่เพราะคุณก็รู้นะ ไหนจะรถติดเป็นชั่วโมง ๆ ไหนจะที่กินที่อยู่ เฮ้อ...ห้องน้ำอีกล่ะ! มันลำบากไปหมดซะทุกอย่าง ฉันขออยู่โยงเฝ้าบ้านคนเดียวดีกว่า สบายสุด ๆ รู้สึกเลยว่าได้พักผ่อนเต็มที่
จนกระทั่งปีนี้ ฉันเจอเหตุการณ์สุดสยองที่ทำให้ฉันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง สาบานว่าจะไม่ยอมอยู่เฝ้าบ้านให้ใครอีกแล้ว...เข็ด!!
ฉันชื่อใหม่ อายุสิบเก้า เรียนมหาวิทยาลัย บ้านอยู่ในกรุงเทพฯ นี่ละค่ะ อยู่กับพ่อแม่ คุณปู่คุณย่าอย่างอบอุ่นเชียวละ ถัดจากบ้านฉันไปสองซอยบนถนนสุขุมวิทเป็นคอนโดมิเนียมของคุณอาแท้ ๆ
อาธงเป็นคนใจดี ร่ำรวย ส่วนอาแหม่มภรรยาอาธงก็ทำอาหารฝรั่งอร่อยที่หนึ่งเลย จึงไม่น่าแปลกใจที่ครอบครัวหรรษาจะอ้วนกลมกันทุกคน ยิ่งลูกเล็ก ๆ คือน้องทอยกับน้องทิมยิ่งน่ารักมาก ไม่เว้นแม้แต่ไอ้ลูกบอล-หมาพุดเดิ้ลที่ฟูไปทั้งตัวสมชื่อมันจริงๆ เวลาว่างๆ ฉันชอบไปสิงสู่อยู่ที่นั่น เล่นกับน้องๆ และให้อาธงช่วยทำรายงาน
ปีใหม่ปีนี้อาธงไม่อยู่ จะขึ้นเชียงใหม่กันทั้งครอบครัว แต่ไม่ได้เอาเจ้าลูกบอลไปด้วย ฉันก็ขันอาสาเลยละว่าจะไปดูแลมันเอง เพราะปีใหม่ฉันวางแผนจะไปเคานต์ดาวน์ที่เซ็นทรัลเวิลด์กับไอ้จุ๊บเพื่อนสนิท แล้วจะมาค้างคอนโดฯ อาธงตามลำพัง...ที่บ้านฉันน่ะ พ่อกับแม่จะพาคุณปู่คุณย่าไปหัวหิน จองที่พักไว้เป็นเดือนแล้วคุณย่าอยากไปทะเลไงคะ
บ่ายวันพฤหัสฯ ที่ 31 ฉันให้อาหารเจ้าลูกบอลแล้วขังมันไว้ตามลำพัง มันอยู่ได้ไม่ต้องห่วง ส่วนตัวฉันเหาะไปอยู่เซ็นทรัลเวิลด์กับจุ๊บแจงแต่เนิ่น ๆ เพราะเขาจะปิดถนนตอนหกโมงเย็น เปิดอีกทีตีหนึ่งโน่น
ที่นั่นคนมืดฟ้ามัวดินเหมือนทุกปี คอนเสิร์ตสนุกสุดเหวี่ยง พลุก็สวยกระจายเลยเคานต์ดาวน์ผ่านไปด้วยดี ไม่มีการวางระเบิดอย่างที่เราได้ยินข่าวว่าให้ระวัง
เมื่อผ่านสองยามปุ๊บ ฉันก็โทร.ไปสวัสดีปีใหม่กับพ่อแม่ คุณปู่คุณย่าและน้องๆ จากนั้นก็กลับคอนโดฯ อาธงเลย
ทุกอย่างเป็นปกติ ไอ้ลูกบอลกลัวพลุ มันครางหงิง ๆ ซุกฉันใหญ่ จากชั้นที่ 21 นี่ยังเห็นพลุจุดปัง ๆ ที่นั่นที่นี่ แล้วก็เงียบไปตอนตีหนึ่งกว่า ๆ
ฉันดูทีวีอีกพักหนึ่งแล้วก็ปิดเพื่อเข้าไปอาบน้ำ เตรียมตัวนอน กะจะตื่นสายให้เต็มที่ อาแหม่มทำพายไก่ใส่เห็ดเชมปิญองสุดโปรดไว้ให้ ถ้าจะกินก็ใส่เวฟเอา ง่ายจะตาย มีไอศกรีมรสกล้วยหอมเนยแข็งถ้วยใหญ่แช่เย็นไว้ด้วย
เฮ้อ! อาบน้ำดีกว่านะ...
ฉันเพลิดเพลินกับครีมอาบน้ำกลิ่นลีลาวดี จนกระทั่งได้ยินเสียงคนไขประตูหน้าห้องเข้ามา...เสียงอาธง อาแหม่มและน้องทอยน้องทิม เขาคุยกันลั่น ทักเจ้าบอลและเรียกหาฉัน
เอ๋...แปลกแฮะ กลับมาทำไมตอนนี้? ฉันขานตอบแล้วรีบล้างตัว แต่งตัว เปิดประตูผางออกไป
เงียบกริบ! สรรพสิ่งทั้งหลายเงียบไปฉับพลันทันทีที่ฉันเปิดประตู เหมือนปิดสวิตช์!
ฉันเคว้งคว้างอยู่คนเดียวในท่าตะลึงจังงัง...งงไปหมดแล้ว
พอได้สติ ตัวฉันก็สั่นเหมือนหนาวจัด มันหนาวจริงๆ นะคุณ กลัวจนบอกไม่ถูก ฉันแน่ใจว่าหูไม่ฝาด ฉันได้เสียงพวกเขาทุกคนชัดเจน แจ่มชัดเหมือนของจริงทุกอย่าง แต่มันไม่มีอะไรเลย...แล้วฉันได้ยินอะไรล่ะ?
ห้องสว่างจ้าแต่มันหลอนเหลือเกิน ฉันอยู่ต่อไม่ได้แม้แต่อีกวินาทีเดียว เท่าที่ทำได้ก็คือเดินหลังแอ้ไปคว้ากระเป๋าและกุญแจเตรียมเผ่น ไม่ลืมเรียกไอ้ลูกบอลไปด้วยกัน...มันวิ่งหางจุกมาจากไหนไม่รู้โดดพรวดให้ฉันอุ้ม ตัวมันสั่นพอๆ กับฉัน เราต้องออกจากที่นี่ทันที
คิดดูนะคะตีหนึ่งกว่าเกือบตีสอง ฉันลงลิฟต์มากับหมามาเรียกมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่งบ้านด่วน อย่างน้อยที่บ้านตัวเองยังมีคนรับใช้อยู่อีกตั้งสามล่ะค่ะ!
พอถึงบ้านฉันก็รีบใช้มือถือโทร.หาอาธง...เขาคงจะตายหมดบ้าน แล้ววิญญาณเท่านั้นที่กลับมา แต่ปรากฏว่าเขาอยู่ดีกันทุกคน อีกสองวันแน่ะถึงจะกลับ ฉันบอกตรงๆ ว่ากลัวไม่กล้าอยู่คนเดียว เลยล็อกประตูให้เรียบร้อยแล้วเอาไอ้ลูกบอลมาด้วย อาธงบอกไม่เป็นไร
ตอนบ่ายวันต่อมา ฉันพาคนใช้ไปด้วยคนหนึ่ง ไปปิดไฟปิดแอร์ ดูความเรียบร้อยเอาพายไก่กับไอศกรีมมากิน แล้วล็อกห้องคอนโดฯ ไว้ตามเดิม
เมื่ออาธงกลับมาฉันก็บอกเขาว่าเจออะไร อาธงหัวเราะ บอกว่าฉันอาจจะคิดไปเอง หรือจะเป็นด้วยอะไรก็สุดรู้ ฟังแล้วขนลุกเหมือนกัน! คุณล่ะคะ คิดว่าสิ่งที่ฉันได้ยินเต็มสองหูนั้นคืออะไรกันแน่?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น