ผมเคยเป็นวัยรุ่นกวนเมืองในอดีตเมื่อราวสิบปีเศษมาแล้ว หรือพูดให้แคบเข้าก็คือพวกขาโจ๋ นักเรียน-นักเลงอะไรประมาณนั้นแหละครับ ชอบยกพวกตีกันแบบศึกต่างสี จนถึงกับบาดเจ็บมากบ้างน้อยบ้างอยู่เป็นประจำ
ใครดวงขาดก็ไปเกิดใหม่ได้ง่ายๆ เพราะมีทั้งมีด ดาบ สปาร์ต้า ขนาดเล่นปืนจริงๆ ก็มี ปืนปากกาก็มี
ตอนเย็นเลิกเรียนต้องระวังตัว กลัวว่าจะโดน "เอาคืน" มักจะกลับกันเป็นกลุ่ม ขึ้นรถเมล์ก็ต้องเหลียวซ้ายแลขวา ถ้าเผลออาจโดนคู่อริกรูขึ้นรถมารุมยำเละได้ง่ายๆ
ต่างฝ่ายต่างระวังกันทั้งนั้น บางทีโจมตีกันที่ป้ายรถเมล์ ชาวบ้านเผ่นกระเจิง บางทีก็เล่นส่องปืนเข้าใส่บนรถเมล์เลย คนอื่นไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรก็พลอยฟ้าพลอยฝน โดนลูกหลงมากบ้างน้อยบ้าง คนซวยมากๆ ถึงกับโดนยิงตายบ้าง บาดเจ็บสาหัสบ้าง อย่างที่ตกเป็นข่าวในน.ส.พ.กับทีวีบ่อยๆ มาถึงเดี๋ยวนี้
ผมมีเพื่อนซี้ขาบู๊คนหนึ่งชื่อโก๋ เรารักกันมากเพราะเรียนม.ต้นมาด้วยกัน นับเวลาก็ 7-8 ปีแล้ว
โก๋เป็นลูกครึ่งจีน ร่างผอมเล็ก หน้าจืด ดูเผินๆ จะไม่รู้ว่าหัวใจเกินร้อย ขนาดโดนรุม 5 ต่อ 1 ยังสู้ถวายชีวิต ลงเอยด้วยการนอนไปโรงพยาบาลหลายวัน แต่ฝ่ายตรงข้ามก็สาหัสไป 2-3 คน
บ้านเราอยู่แถวลาดพร้าวใกล้ๆ กัน วันหนึ่งโดนโจมตีข้างถนนใกล้ๆ ป้ายรถเมล์แบบยังไม่ทันตั้งตัว
วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาเรา มองเผินๆ ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่บังเอิญผมสังเกตเห็นคนหนึ่งเอื้อมมือไปทางด้านหลัง แถวๆ ต้นคอ สังหรณ์ใจวูบ ตะโกนว่า เฮ้ย! ระวังโว้ย...
ดาบยาวชักปราดออกมา โก๋ร้องด่าพลางขยับจะวิ่งใส่ชนิดตายเป็นตาย!
คนถือดาบชะงักเพราะนึกว่าเราจะวิ่งหนี ผมเห็นคนข้างๆ ชักปืนออกมาส่องเปรี้ยงทันที จังหวะเดียวกับที่ผมผลักเพื่อนกระเด็นไปข้างทางได้ทันท่วงที
เสียงปืนดังปนเปกับเสียงรถยนต์ ตามด้วยเสียงผู้หญิงหวีดร้อง โก๋รีบลุกขึ้นมา วัยรุ่นกลุ่มนั้นหันกลับวิ่งหนีเข้าซอยไป ผมรีบคว้าแขนเพื่อนไม่ให้วิ่งตาม กับเอะใจเสียงร้องของผู้หญิงใกล้ๆ หูด้วย
ปรากฏว่าเป็นสาววัยรุ่นคนหนึ่งนอนจมกองเลือด หน้าตาบิดเบี้ยวและร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดสุดขีด...เสื้อสีฟ้าอ่อนแดง ชุ่มด้วยเลือดสดๆ
พลเมืองดีปราดเข้าช่วย ผมฉุดมือเพื่อนเผ่นหนีได้อย่างหวุดหวิด ไม่งั้นมีหวังต้องขึ้นโรงพักแน่เพราะเป็นคู่กรณีกับมือปืน...โก๋ซาบซึ้งผมใน เรื่องนี้อย่างนึกไม่ถึง
"ถ้าไม่ได้มึงช่วยผลักกูคงตายโหงไปแล้ว! หรือถ้าไปช่วยผู้หญิงก็อาจโดนจับอีกต่างหาก...กูเป็นหนี้ชีวิตมึงนะ"
ผมบอกว่าอย่าคิดอะไรมาก ตัดบทว่า "เป็นมึงก็คงทำเหมือนกูน่ะแหละ"
โก๋ดวงขาดจริงๆ ครับ อีกราวสองอาทิตย์ต่อมาก็ถูกคู่อริดักฆ่า ใช้ทั้งมีดทั้งปืนรุมยำจนตายข้างถนนปากซอยบ้านตอนค่ำ มารู้ทีหลังว่าโก๋พกปืนไปดักเอาคืนอยู่หลายวัน แต่นอกจากจะไม่ได้คืนแล้วยังต้องเอาชีวิตไปสังเวยอีกด้วย
พอมีเรื่องร้ายแรงถึงขนาดล้มตาย สื่อประโคม ตำรวจตามจับพวกจอมซ่าก็เก็บตัวเงียบ...ผมไปเอาศพเพื่อนรัก อดน้ำตาไหลไม่ได้เมื่อเห็นแววตาเศร้าๆ ในภาพถ่ายหน้าโลงศพมองมา คล้ายจะแว่วเสียงว่า
"ยกโทษให้ด้วย กูยังติดหนี้มึง..."
ผมได้แต่นึกขออโหสิต่อกัน กับขอให้วิญญาณเพื่อนจงไปสู่ที่ชอบๆ ด้วยเถิด...ต่อมานึกถึงโก๋อยู่เกือบทุกวัน นึกว่าจะฝันถึงบ้างแต่ก็ไม่เคยฝันเลยแม้แต่ครั้งเดียว
จนกระทั่งคืนนั้นเอง...ผมกำลังเคลิ้มหลับก็แว่วเสียงใครเรียกชื่อดังมาจาก หน้าบ้าน ความรู้สึกกึ่งฝันกึ่งจริง ผมลุกไปดูที่หน้าต่างก็ไม่เห็นใคร นอกจากต้นไม้หนาทึบอยู่ในแสงไฟ เลยกลับมานอนต่อ...แต่ไม่ช้าก็ได้ยินเสียงเรียกอีกแล้ว คราวนี้ดังอยู่ใกล้ๆ หู
ไม่ต้องลุกไปดูอีกแล้ว เพราะลืมตามองเห็นหน้าเจ้าโก๋ลอยเด่น ดูเป็นปกติเหมือนที่เคยเห็น ได้ยินเสียงพูดดังชัดเจนว่า...กูเป็นหนี้ชีวิตมึง!!
ใบหน้านั้นขยายใหญ่มหึมา กลายเป็นความดำมืดเต็มม่านตา ผมคิดว่าตัวเองตอบไปว่า...ช่างมันเถอะวะ! แล้วความรู้สึกก็จมดิ่งเข้าไปในความหลับที่ลึกเหมือนตกลงไปในก้นเหวนรก
ตื่นขึ้นมาเพราะแม่ปลุก ผมหนาวสะท้านไปทั้งตัว ปากคอแห้งผากเพราะเป็นไข้ขึ้นสูงจนตัวร้อนผ่าว แม่รีบหายามาให้กิน ให้นอนพักจนกว่าจะหาย...ผมเป็นไข้อยู่ราว 2 วัน นอนหลับก็เห็นแต่ใบหน้าของเจ้าโก๋ ยิ่งทำให้ไข้หนักกว่าเดิม
พอทุเลาแม่ก็มาบอกว่าผมโชคดีที่เป็นไข้ เพราะวันก่อนมีนักเรียนตีกันอีก ที่โรงเรียนผมก็โดนยิงอาการสาหัส 2-3 คน ถ้าไม่ป่วยอยู่บ้านอาจจะเจ็บหนักก็ได้
นึกถึงโก๋แล้วขนลุก...เขามาใช้หนี้ชีวิตให้ผมจริงๆ หรือ? ตั้งแต่นั้นมาผมไม่เคยฝันเห็นโก๋อีกเลยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น