แต่งานนี้ทางฝ่ายที่เสียหายอย่าง “บอสนิด” พอได้ยิน “ลีเดีย” ออกมาแก้ข่าวอย่างนั้นก็เผยว่าสบายใจขึ้น และไม่ได้ติดใจอะไร พร้อมกับออกมาแก้ข่าวว่าได้ทาบทามให้มาเป็นเด็กใหม่ในสังกัด ยัน ไม่เคยชวน แถมยังไม่มีงานชิ้นต่อไปให้อีกด้วย
“กับลีเดียเรายังไม่เคยทาบทาม ยังไม่มีการพูดคุยอะไรกันค่ะ ตลอดเวลาที่เราทำงานด้วยกัน เราก็จ้างโดยที่เขาเป็นศิลปินของอาร์เอส แต่เรายังไม่เคยคุยอะไรกัน แต่ถ้าจะบอกว่าเขาแจ้งเกิดจากละครของเรา จริงๆ แล้วเรื่องนี้โดยบทโดยเรื่องมันก็เกิดกันหมดทุกคนนะคะ ส่วนเรื่องเงินค่าตัวที่มีข่าวออกไป เราก็สบายใจที่เขาออกมาตอบเคลียร์แล้ว ก็โอเค.แล้วค่ะ เท่าที่ดูก็เคลียร์และสบายใจแล้ว แต่ลีเดียก็ยังไม่ได้มีการเข้ามาคุยกับเรานะคะ เพราะยังไม่มีการจัดปีใหม่ที่ออฟฟิศด้วย แต่เรามีโทร.คุยกันค่ะ”
“แต่จริงๆ ข่าวนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับทางเรานะคะ เพราะฉะนั้นพอลีเดียอธิบายกระจ่างเราก็โอเค.สบายใจ มันไม่มีผลกระทบกับงานต่อไปหรอกค่ะ คือคำพูดอาจจะไม่ได้เคลียร์และคิดกันไป แต่ลีเดียได้ออกมาเคลียร์แล้วเราก็สบายใจ จะสื่อสารกันผิดรึเปล่ายังไงเราไม่ทราบ เพราะนิดก็อยู่ออฟฟิศเฉยๆ(หัวเราะ) เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าความจริงเป็นยังไง แต่งานเรื่องต่อไปของเขาเรายังไม่ได้แพลนไว้ค่ะ เพราะว่าที่ผ่านมาเราก็ต้องจ้างผ่านอาร์เอส แล้วต่อไปลีเดียจะอะไรยังไงอันนั้นไม่ใช่เรื่องของเรา แต่อย่างเป้(อารักษ์ อมรศุภศิริ) อยู่สมอลรูม เราก็ทำงานด้วยได้หมด ไม่ว่าจะใครเราก็ทำงานได้หมดค่ะ”
เผยโปรเจ็คใหม่ในปีนี้ เรื่องของรายการยังไม่มีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม แต่เตรียมทำละครไว้ปีนี้รวม 4 เรื่อง บอกปลื้มที่ชวน “พีท ทองเจือ” มากลับมาเล่นละครอีกครั้ง และกระแสตอบกลับมาดีมาก
“ถ้าปีนี้รายการยังไม่มีอะไรใหม่ค่ะ ยังเหมือนเดิม ก็ปรับปรุงเนื้อหาไป ส่วนละครก็ผลิตไปเรื่อยๆ จบเรื่องนี้ก็เตรียมเรื่องต่อไป ตอนนี้ที่ถ่ายอยู่ก็จะมี คู่แค้นแสนรัก กับ รักไม่มีวันตาย แล้วก็น่าจะเปิดได้อีกสัก 2 เรื่อง ปีนี้ก็จะมี 4 เรื่อง เพราะว่าละครเดี๋ยวนี้ของเราก็ถ่ายกัน 9 เดือนนะ(หัวเราะ) แต่ปีที่แล้วฟีดแบกละครดีนะคะ คืองานชิ้นนึงที่เราทำมันก็เกิดอะไรขึ้นมา ทำให้ผู้ชมมีความสุข นักแสดงมีประชาชนรัก นักแสดงที่หายไปอย่างพีทก็ได้กลับมาแล้วเขาก็ชื่นใจ เราก็ดีใจนะที่เราไปชวนเขาไว้ เราไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดจริงๆ นะ เราก็ได้พิสูจน์แล้วว่ามาเถอะมันดี เรามีงานที่ดีรออยู่ พอเป็นอย่างนี้เขาก็ดีใจ มีแฟนๆ รักเขาจริงๆ”
“ตอนที่เราไปชวนเขาก็บอกว่า มีคนชอบและคิดถึงเขาจริงๆ แล้วเราก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง นักแสดงใหม่ๆ เองเราก็พยายามไปตามเสต็ป ตามขั้นตอน ได้ให้เขาพัฒนาฝีมือ อย่างเป้เคยคอมเมดี้มา พอเรื่องนี้เขาได้เล่นดราม่ามาก จริงๆ เราว่าเป็นโอกาสของนักแสดงที่ได้งานหลากหลาย”
“ถามว่าปีที่แล้ว ระบำดวงดาว ถือว่าแรงสุดไหม ก็ถือว่าดีนะคะ แต่อย่างตอน พระจันทร์ลายพยัคฆ์ ก็ดีในแบบบู๊และดราม่า ตอน แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา ก็ดีแบบคอมเมดี้ ส่วน ระบำดวงดาว ก็ดราม่าเลย เขาดีกันคนละแบบ เพราะเป็นละครคนละสไตล์ แต่ถ้ามันคอมเมดี้หมด แล้วถามว่าเรื่องไหนแรงสุดอันนี้ถึงจะตอบได้ แต่มันเป็นละครคนละอย่างหมดเลย ซึ่งนั่นก็เป็นเจตนารมณ์ของเราเหมือนกันที่เราจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะคนทำก็สนุก ถ้าทำคอมเมดี้อย่างเดียวมันก็คงน่าเบื่อ เราก็เลยคละกันไปเรื่อยๆ”
“อย่างเรื่อง เธอกับเขาและรักของเรา เราก็ตั้งใจว่าเราจะทำแนวนี้แหละ ที่เข้มข้นและละมุนด้วยเนื้อหา คุณต้องดูและคุณต้องตามไปกับเรา ไม่บอกหมด ให้เกิดคำถามมากมาย ซึ่งเป็นจุดตั้งใจของเราเลยว่า เราจะทำได้ไหม คนดูจะเกิดคำถามไหม และคนดูก็เกิดคำถามจริงๆ ซึ่งมันเป็นละครอีกสไตล์นึง แล้วก่อนทำเราก็คุยกันก่อนนะคะ ว่าเป้จะเอาแบบนั้นแบบนี้ เป้ก็บอกได้ครับแล้วแต่พี่ พอไปถามผู้กำกับซึ่งผู้กำกับก็ไม่เคยทำแนวนี้เหมือนกันไง แต่พอมาเรื่องนี้เขาก็ได้หมดนะ บู๊อะไรก็ได้หมด แล้วก็ทำได้ดีมาก ในงานแต่ละอย่างมันมีอะไรเกิดให้เราเห็น ถ้าจะบอกว่าดีทุกเรื่อง เราก็ต้องขอบคุณมาก แต่เราก็บอกกับเด็กๆ ว่ามันไม่ได้เกิดจากโชคช่วย มันเกิดจากพวกเราตั้งใจทำงานกัน แต่เรื่องอื่นๆ เขาก็ประสบความสำเร็จกันทั้งนั้นนะคะ ไม่ใช่เฉพาะของเราหรอก”
ขอบคุณข่าวแซ่บจากผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น